วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

ตำนาน นางนาค แห่งบางพระโขนง วิญญาณรักที่ยังไม่ตาย


แม่นาคพระโขนง




      เรื่องราวของ นางนาค แห่งพระโขนง มีการเล่าขานกันมานานแล้วครับ และเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า นางนาคมีตัวตนจริงๆ คงเป็นเรื่องเล่าของคนโบราณ ที่เคยถูกผีนางนาคหลอกกันต่อๆมา ความมีชื่อเสียงของแม่นาคได้ทำให้วัดมหาบุศย์ ริมคลองประเวศบุรีรัมย์ แขวงพระโขนง เขตพระโขนง กทม. พลอยเป็นที่รู้จักของคนทั้งหลายด้วย ในฐานะเป็นวัดที่ฝังศพแม่นาค วัดมหาบุศย์นี้ พระศรีสมโภชน์ (พระศรีสมโพธิ) เจ้าคณะวัดสุวรรณฯ เป็นผู้สร้าง ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๒ ในขณะที่ท่านยังเป็นพระมหาบุศย์
ตามความเชื่อของคนไทยร่วมสมัยและตราบจนปัจจุบัน เช่น เชื่อว่าชื่อสี่แยกมหานาค ที่เขตดุสิตในปัจจุบัน มาจากการที่แม่นาคอาละวาดขยายตัวให้ใหญ่ และล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ก็ยังเคยเสด็จทอดพระเนตรด้วย หรือ เชื่อว่าพระรูปที่มาปราบแม่นาคได้นั้นคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นต้น อีกทั้งยังเชื่อว่า ท่านได้เจาะกะโหลกที่หน้าผากของแม่นาคทำเป็นปั้นเหน่ง เพื่อสะกดวิญญาณแม่นาค และได้สร้างห้องเพื่อเก็บปั้นเหน่งชิ้นนี้ไว้ต่างหาก หรือแม้แต่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชก็ยังได้เขียนบันทึกเอาไว้ว่า เมื่อสมัยเด็ก ๆ ท่านเคยเห็นสิ่งที่เชื่อว่าเป็นรอยเท้าแม่นาคบนขื่อเพดานวัดมหาบุศย์ด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ถูกรื้อถอนไปแล้ว
เรื่องราวของแม่นาคมีทั้งที่เป็นนิยายและภาพยนตร์ บุคคลแรกที่ทำให้ "แม่นาคพระโขนง" โด่งดัง
ขึ้นมา ก็คือ...สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงษ์ พระองค์ท่านทรงนำเรื่อง "อีนาคพระโขนง" ออกแสดงเป็นละครเวทีที่โรงละครปรีดาลัยจนเกรียวกราวได้รับการต้อนรับจากดูเป็นอย่างมาก จนต้องแสดงซ้ำอยู่ถึง ๒๔ คืน
จากนั้นมาสู่ยุคภาพยนตร์ แม่นาค . อีนาค . นางนาค . หรือ ย่านาค ก็ถูกนำมาสร้างอีกหลายครั้งหลายหน












แม่นาคพระโขนง ปี 2502
กำกับ โดย เสน่ห์ โกมารชุน
แสดงโดย สังสิทธิ์ สัตยวงศ์ , ปรียา รุ่งเรือง
















แม่นาคคืนชีพ 2503
แสดงโดย อดุลย์ ดุลรัตน์ , วิไลวรรณ วัฒนพานิช





















วิญญาณรักแม่นาค 2505
ปรียา รุ่งเรือง กลับมาในบทแม่นาค ค่าย เสน่ห์ศิลป์ภาพยนตร์

















แม่นาคคะนองรัก 2511
แสดงโดย ปรียา รุ่งเรือง , ชุมพร เทพพิทักษ์ , ฤทธิ ลือชา
ปรียา มารับบทแม่นาค ค่าย เสน่ห์ศิลป์ภาพยนตร์













แม่นาคพระนคร 2513
แสดงโดย มิตร ชัยบัญชา ,อรัญญา นามวงศ์
ค่ายละโว้ ภาพยนตร์











แม่นาคพระโขนง 2516
ค่ายศิลปสยามภาพยนตร์
แสดงโดย สุภัค ลิขิตกุล , ยอดชาย เมฆสุวรรณ



















แม่นาคอเมริกา 2518
แสดงโดย กรุง ศรีวิไล , เปียทิพย์ คุ้มวงศ์

  








แม่นาค บุกโตเกียว 2519
แสดงโดย อุเทน บุญยงค์ , ภาวนา ชนะจิต , อรสา พรหมประทาน
หนังค่าย เมืองทองภาพยนต์














แม่นาคพระโขนง 2521
แสดงโดย ปรียา รุ่งเรือง , สมบัติ เมทะนี , เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์
ปรียา กลับมารับบท แม่นาค











แม่นาคคืนชีพ 2533

                                                                                           







แม่นาคเจอผีปอบ  2535
ยังมีแม่นาคพระโขนงอีกภาค ในปี 2537 แสดงโดย ดาริน กรสกุล , รอน บรรจงสร้าง 
มีการสร้างเป็นละครทีวี ช่อง 5 อีกครั้งในปี 2537 แสดงโดย ลีลาวดี วัชโลบล
กลับมาสร้างเป็นละครทีวีอีกครั้ง  ทางช่อง 3 ปี 2543 แสดงโดย กุลณัฐ ปรียาวัฒน์
และปีเดียวกัน 2543 ช่อง 7 นำมาสร้างอีกครั้ง แสดงโดย พัชราภา ไชยเชื้อ , พีท ทองเจือ









นางนาก 2544
ผู้กำกับ นนทรีย์ นิมิตรบุตร
แสดงโดย ทราย เจริญ ปุระ , วินัย ไกรบุตร















นาค รักแท้ /วิญญาณ / ความตาย 2548
แสดงโดย ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ , ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์














กำกับหญิงอินดี้  พิมพกา
ปี 2545  ทำเป็นละครเวทีโอเปร่า   อำนวยการแสดงโดย สมเถา สุจริตกุล

















พี่มาก....พระโขนง 
ออกฉายในปีพ.ศ. 2556 แนวโรแมนติก  สยองขวัญและตลก
คัดแปลงจากเรื่องแม่นากพระโขนง
กำกับโดย  บรรจง  ปิสัญธนะกุล
มาริโอ้  เมาเร่อ  รับบท พี่มาร์ค
ดาวิกา  โฮร์เน่   รับบท  แม่นาค
กันตพัฒน์  สีดา  รับบท  เอ
ณัฏฐพงษ์  ชาติพงษ์  รับบท  เต๋อ
อัฒรุต  คงราศี  รับบท  ชิน
พงศธร  จงวิลาส  รับบท เผือก



แสดงความเห็น
ในแต่ละปีที่สร้างหนังแม่นาคนั้นล้วนแต่สร้างขึ้นมาด้วยความแปลกใหม่ โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปคือการ ถ่ายทำ การใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาในการถ่ายทำ รวมไปถึง การพัฒนาด้านการทำหนังขึ้น  สิ่งที่คงเดิมไว้คือตำนานที่เล่ากันมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน อาจจะคลาดเคลื่อนบ้างแต่ยังคงความเป็น    แม่นาค  ไว้เหมือนเดิม




รูป ภาพทั้งหมดอ้างอิงจาก  http://www.oknation.net/blog/print.php?id=94721
ข้อมูลอ้างอิงจาก            http://www.oknation.net/blog/print.php?id=94721


วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556


นักนิเทศศาสตร์ ยุคดิจิตอล






นักนิเทศศาสตร์คือผู้ที่ทำหน้าที่นำข้อมูลข่าวสารมาสื่อความหรือเผยแพร่โดยวิธีการต่างๆ เช่น เขียนเป็นข่าว บทความ บทวิพากษ์วิจารณ์ลงในวารสารและหนังสือพิมพ์ พูดหรืออธิบายรายละเอียดต่างๆ ทางวิทยุหรือโทรทัศน์ จัดทำภาพยนตร์สารคดีเพื่อสื่อความหมาย  หรือ ทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่งก็คือการใช้ข่าวสารและข้อเท็จจริง หรือขยายความหมายของเรื่องต่างๆให้ชัดเจนแก่ประชาชน 

       

นักนิเทศศาสตร์  จะใช้ว่า  Communication Arts  หมายถึง ศิลปะของการสื่อสาร หรือ  ศาสตร์ที่ว่าด้วยการติดต่อสื่อสาร
     ปัจจุบันประเทศต่างๆในโลกของเรา ส่วนใหญ่แล้วเริ่มก้าวเข้ายุคไอทีมากขึ้น  ส่วนจะมากน้อยเพียงได้ก็ขึ้นอยู่กับมั่นคงของเศรษฐกิจและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี  โดยทั่วไปการพิจารณากันว่าประเทศในยุคเศรษฐกิจแบบใดนั้นจะนิยมพิจารณาจากคนส่วนใหญ่โดยการดูที่ว่าคนส่วนใหญ่นั้นทำงานในด้านใด  อย่างเช่นคนส่วนใหญ่ทำงานในด้านอุตสาหกรรมการผลิตก็จะกำหนดให้ประเทศนั้นอยู่ในยุคอุตสาหกรรมหรือสังคมอุตสาหกรรม แต่ถ้าหากคนส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในด้านบริการ หมายถึง การทำงานโดยใช้ความรู้สึกยิ่งกว่าใช้แรงงานแล้วก็นิยมกำหนดว่าประเทศนั้นอยู่ในสังคมสารสนเทศ หรือจะเรียกแบบย่อๆ ว่าอยู่ในยุคไอที นักนิเทศศาสตร์ ดิจิตอล มีการพัฒนาใช้เครื่องมือสื่อสารต่างๆเช่น อินเทอร์เน็ต เฟสบุ๊ค และอื่นๆ ที่เป็น เทคโนโลยี มาช่วยในการทำงานฉับไวขึ้นและมีประสิทธิ์ภาพมากกว่าเดิม






             ปัจจุบันในความเป็นจริงหากคิดเฉพาะการใช้พวกไอทีแล้ว ประเทศไทยก้าวหน้าเรื่องไอทีไปค่อนข้างจะมาก แม้จะยังไม่ค่อยเท่าประเทศอื่นที่พัฒนางานเกี่ยวกับไปทีไปก่อนหน้าประเทศเรามาก  แต่ต้องนับว่าดีมากเลยทีเดียว เพราะหน่วยงานหลายๆแห่งด้วยกันได้ผลักดันและประยุกต์ได้อย่างกว้างขวางมากเลยทีเดียว อย่างเช่น กระทรวงสาธารณสุขได้นำระบบการแพทย์ทางไกล มาใช้เพื่อให้บริการปรึกษาและวินิจฉัยโรคทางไกล  โดยติดตั้งระบบอุปกรณ์ต่างๆผ่านเส้นใยนำแสงไปยังจังหวัดต่างๆรวม 17 จังหวัด
         นอกจากคนไทยจะต้องมีความรู้ด้านไอทีดังที่กล่าวมาแล้วนี้ ยังจำเป็นจะต้องปรับตัวให้สามารถคิดและทำงานในสังคมใหม่คือ สังคมไอทีได้โดยไม่มีปัญหาขัดข้อง การปรับตัวนี้จะแตกต่างกันออกไปสุดแท้แต่พื้นฐานและอาชีพการงาน บางอาชีพอาจจะไม่ต้องปรับตัวมากนัก แต่บางอาชีพอาจจะต้องปรับตัวค่อนข้างมาก เพราะสามารถนำอุปกรณ์ไอทีมาใช้ช่วยในการทำงานได้หลายอย่าง ครั้นจะไม่ใช้ก็ไม่ได้เพราะจะทำให้ไม่สามารถทำงานได้รวดเร็วและมีคุณภาพเท่ากับผู้ที่นำมาใช้ ดังนั้นผู้ประกอบอาชีพที่มีลักษณะเช่นนี้จึงต้องขวนขวายหาทางปรับตัวให้สามารถเรียนรู้และใช้อุปกรณ์ไอทีได้โดยรวดเร็ว มิฉะนั้นก็จะไม่สามารถประกอบอาชีพเดิมต่อไปได้อีก



สรุป
   
  นักนิเทศศาสตร์  ยุคดิจิตอล  มีการนำ ไอทีเครื่องมือสื่อสารต่างๆมาประยุกต์ใช้ในด้านเผยแพร่ ทั้งด้านการข่าว การประชาสัมพันธ์และโฆษณา  การนำเครื่องมือดิจิตอล มาใช้ เกิดประโยชน์มากหรือน้อยแล้วแต่ตัวผู้ใช้ การนำเสนอข่าวการถ่ายภาพจะรวดเร็วและฉับไวมากขึ้นทั้งยังส่งผลถึงถ้าไม่รู้จักใช้สื่อใหม่ๆให้เป็นประโยชน์ คนๆนั้น ก็จะตกยุกต์และก้าวไม่ทันโลกอย่างสิ้นเชิง

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โยฮันน์ กูเทนแบร์ก


โยฮันน์ กูเทนแบร์ก





เป็นบิดาแห่งการพิมพ์ก็เนื่องมาจากเขาเกิดในดินแดนยุโรปที่มีตัวอักษรแค่ 26ตัว และปัญญาชนของโลกใช้วิทยาการนี้เผยแพร่ความคิด เขาจึงได้ชื่อว่าผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ เพราะวิทยาการของเขาส่งผลต่อวิทยาการแขนงต่างๆของโลกสืบมาชื่อเต็มของเขาคือ โยฮันเนส เจนส์ไฟลช์ ลาเดน ซูม กูเตนเบิร์ก เกิดราวปี ค.ศ. 1398 ที่เมืองไมนซ์ประเทศเยอรมนี

บิดาของท่านเป็นขุนนางขั้นสูง ชื่อ ไฟร์ล เจนส์ไฟร์ล ซูร์ ลาเดน มารดาชื่อ เอลซ์ ไวริช
จุดเริ่มต้นของ เขาคือ การไปโบสถ์กับบิดา เพื่อดูการพิมพ์ภาพโดยที่เขากำลังมองอยู่นั้นเป็นการพิมพ์แบบแกะสลักไม้ โดยเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องยากส่งผลให้หนังสือมีราคาแพงและไม่แพร่หลายผู้คนนิยมน้อย เขาจึงคิดค้นเครื่องพิมพ์ที่สามารถพิมพ์ได้รวดเร็ว เขาเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเออเฟิร์ต (The University of Erfurt)

ค.ศ. 1434 เขาได้ทำงานเป็นลูกจ้าในร้านตัดกระจก เขาประดิษฐ์เครื่องพิมพ์และอักษรโลหะ 26 ชิ้นที่มีขนาดเท่ากันได้สำเร็จเป็นครั้งแรก





ค.ศ. 1448 กูเตนเบิร์กเดินทางกลับเมืองไมนซ์ เพื่อยืมเงินญาติและเพื่อนมาลงทุนทำโรงพิมพ์ 


สุดท้ายเพื่อนชื่อโยฮันน์ ฟัสต์ ให้ยืมเงิน 800 กิลเดอร์ ค.ศ. 1455 เครื่องพิมพ์กูเตนเบิร์กพิมพ์พระคัมภีร์ไบเบิลออกมาราว 800 เล่ม เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ไบเบิ้ลของกูเตนเบิร์ก (The Gutenburg Bible) จากผลงานครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งจากสังฆราชเมืองไมนซ์ให้เป็นมหาดเล็ก และได้รับเงินบำนาญอีกด้วย


ต่อมาปี ค.ศ. 1475 วิลเลียม แคกซ์ตัน (William Caxton) ช่างพิมพ์ชาวอังกฤษ ได้พัฒนาเครื่องพิมพ์เพื่อตีพิมพ์หนังสือ Recuyell of the Histoyes of Troye นับเป็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มแรกของโลก


ผลกระทบในโลกปัจจุบัน



ตั้งแต่ โยฮันน์ กูเทนแบร์ก ได้คิดค้นแท่นพิมพ์ที่ เปลี่ยนโลกทั้งใบให้ก้าวหน้าทางด้าน การพิมพ์ ทางด้านข่าวสารที่ สามารถส่งถึงมือ ผู้รับได้อย่างรวดเร็วราคาถูก ไม่แพง สามารถเก็บไว้ได้ และ ในสมัยนี้ยังได้พัฒนานำข่าวสาร มาประยุกต์ใช้กับไอทีเช่น ข่าวบนเว็ปไซต์ 









วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย



ชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย  




ชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย  อาจเป็นเวลาช่วงหนึ่งของชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิมอาจเต็มไปด้วย  รอยยิ้ม  เสียงหัวเราะ  และคราบน้ำตา ปะปนกันไป








ชีวิตของนักศึกษานั้นต่างจากชีวิตเด็ก ม. ปลายไปอย่างมากโดยเฉพาะตัวผม  การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญผมต้องแบ่งเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ต้อง  ยอมรับสังคมที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น  การที่อยู่กันเป็นหมู่คณะโดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทั้งรุ่นพี่ ทั้งเพื่อน ที่ไม่เคยร็จักกันการวางตัวนิสัยที่เราเคยทำต้องปรับใหม่  การมาเรียน ในชีวิตเด็ก ม. ปลายนั้นเราจะเคยชินกับการ  ตื่นสายไปเรียน   เช็คงาน  ส่งงาน  เจอเพื่อนๆ  ที่รู้จักกันดี แต่ในมหาวิทยาลัย ตัวผมต้องปรับตัว ตื่นเช้า ต้องเข้ามาก่อนที่อาจารย์จะมาถึงเพื่อรอสิ่งเดียวนัน้คือการเช็คชื่อ การเช็คชื่อนั้นสำคัญมากเพราะถ้าเราขาดเกิน 3 ครั้งโดยหาเหตุหาผลมาไม่ได้นั้นแหละ เราจะหมดสิทธิ์สอบและในเทอมนั้นเราจะเสียเวลาไปโดนสูญเปล่า  ชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยนั้นเราจะต้องเป็นเจ้านายตัวเอง ต้องเป็นคนกำหนดเองจัดสรรเวลาเองจะไม่มีใครมาบอกว่าเราคงค้างงานอะไรอยู่จะไม่มีใครมาเตือนว่าขาดกี่ครั้งแล้วนึกคิดในชีวิตนีกศึกษาเนี่ยก็ไม่สบายเหมือนชีวิตเด็ก ม. ปลาย เลย  ทั้งนี้สิ่งที่ผมปรับตัวเป็นอย่างมากคือการกลับบ้านหนทางกลับบ้านผมนั้นจะเปลี่ยวมากในเวลาตอนกลางคืน  มีสองช่วงที่ผมต้องกลับบ้านดึกๆดื่นๆ คือ 




 กิจกรรมการรับน้อง  การรับน้องนั้นเป็นกิจกรรมที่ทำให้รู้ว่าเพื่อนคนไหนที่พร้อมสู้เพื่อนคนไหนที่ไม่สู้  สุ้ใน ณ ที่นี้คือ การยืดหยัดไปด้วยกัน  กิจกรรมรับน้องยังแผงไปด้วย  รอยยิ้ม  น้ำตา  มิตรภาพ และอื่นๆอีกมากมาย  กิจกรรมรับน้องบางครั้งก็ทำให้เราหัวเสียได้เหมือนกัน แต่บางครั้งก็ทำให้เราสนุกมากจนไม่อยากให้ช่วงเวลานั้นผ่านไปเลย  ส่วนอีกกิจกรรมหนึ่งคือ กิจกรรมการแข่งขันบูม การแข่งบูมพวกเราซ้อมไม่ถึง 1 เดือน ใน 1 เดือนนั้น






เราอดทนกับทุกสิ่งทุกอย่างทั้งเพื่อน  ที่ไม่ยอมมาช่วยกัน  ทั้งโดนลงโทษ  แต่มันก็ผ่านมาด้วยดี การซ้อมบูมวันแรกถึงวันที่สาม  เราฝึกร้องเพลงกัน   บางคนก็ร้องได้ แต่บางคนก็ยังร้องไม่ได้  วันที่ 4 การร้องเพลงพวกเราเริ่มดีขึ้นมาก  รุ่นพี่ของผมจึงให้เราแปลตัวอักษรการแปลตัวอักษรนั้นเราต้องใช้ความสามัคคีเป็นอย่างมากถ้าขาดความสามัคคีแล้วเราก็จะแปลออกมาไม่ได้เลย  ก่อนถึงวันแข่งแค่  1  วันเราก็มีปัญหาเพื่อนมาไม่ครบ นั้นแหละปัญหาใหญ่    ถ้าเพื่อนคนไหนหรือใครคนใดคนหนึ่งมาไม่ครบก็จะแปลอักษรไม่ได้เลย   แต่พอถึงวันแข่งพวกเราได้ร่วมมือประกาศศักดาให้สาขาอื่นรู้ว่าเราคือ นิเทศศาสตร์ (สื่อใหม่) พร้อมได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 มาครอง





ชีวตนักศึกษานั้นเราโตขึ้นด้วยความคิดและการกระทำการปรับตัวของเราเองโดยไม่มีใครมาบังคับ  ถ้าเราไม่บังคับตนเองเราก็จะไม่สามารถผ่านมันไปได้และยอมแพ้อุปสัคไปโดยสิ้นเชิง