ชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
ชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
อาจเป็นเวลาช่วงหนึ่งของชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิมอาจเต็มไปด้วย รอยยิ้ม
เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา
ปะปนกันไป
ชีวิตของนักศึกษานั้นต่างจากชีวิตเด็ก
ม. ปลายไปอย่างมากโดยเฉพาะตัวผม การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญผมต้องแบ่งเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ
ต้อง ยอมรับสังคมที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น
การที่อยู่กันเป็นหมู่คณะโดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทั้งรุ่นพี่
ทั้งเพื่อน ที่ไม่เคยร็จักกันการวางตัวนิสัยที่เราเคยทำต้องปรับใหม่ การมาเรียน ในชีวิตเด็ก ม. ปลายนั้นเราจะเคยชินกับการ ตื่นสายไปเรียน เช็คงาน
ส่งงาน เจอเพื่อนๆ ที่รู้จักกันดี แต่ในมหาวิทยาลัย
ตัวผมต้องปรับตัว ตื่นเช้า
ต้องเข้ามาก่อนที่อาจารย์จะมาถึงเพื่อรอสิ่งเดียวนัน้คือการเช็คชื่อ
การเช็คชื่อนั้นสำคัญมากเพราะถ้าเราขาดเกิน 3 ครั้งโดยหาเหตุหาผลมาไม่ได้นั้นแหละ
เราจะหมดสิทธิ์สอบและในเทอมนั้นเราจะเสียเวลาไปโดนสูญเปล่า
ชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยนั้นเราจะต้องเป็นเจ้านายตัวเอง
ต้องเป็นคนกำหนดเองจัดสรรเวลาเองจะไม่มีใครมาบอกว่าเราคงค้างงานอะไรอยู่จะไม่มีใครมาเตือนว่าขาดกี่ครั้งแล้วนึกคิดในชีวิตนีกศึกษาเนี่ยก็ไม่สบายเหมือนชีวิตเด็ก
ม. ปลาย เลย
ทั้งนี้สิ่งที่ผมปรับตัวเป็นอย่างมากคือการกลับบ้านหนทางกลับบ้านผมนั้นจะเปลี่ยวมากในเวลาตอนกลางคืน มีสองช่วงที่ผมต้องกลับบ้านดึกๆดื่นๆ คือ


กิจกรรมการรับน้อง
การรับน้องนั้นเป็นกิจกรรมที่ทำให้รู้ว่าเพื่อนคนไหนที่พร้อมสู้เพื่อนคนไหนที่ไม่สู้ สุ้ใน ณ ที่นี้คือ การยืดหยัดไปด้วยกัน กิจกรรมรับน้องยังแผงไปด้วย รอยยิ้ม
น้ำตา มิตรภาพ
และอื่นๆอีกมากมาย
กิจกรรมรับน้องบางครั้งก็ทำให้เราหัวเสียได้เหมือนกัน
แต่บางครั้งก็ทำให้เราสนุกมากจนไม่อยากให้ช่วงเวลานั้นผ่านไปเลย ส่วนอีกกิจกรรมหนึ่งคือ กิจกรรมการแข่งขันบูม
การแข่งบูมพวกเราซ้อมไม่ถึง 1 เดือน ใน 1
เดือนนั้น
เราอดทนกับทุกสิ่งทุกอย่างทั้งเพื่อน ที่ไม่ยอมมาช่วยกัน ทั้งโดนลงโทษ แต่มันก็ผ่านมาด้วยดี การซ้อมบูมวันแรกถึงวันที่สาม เราฝึกร้องเพลงกัน บางคนก็ร้องได้ แต่บางคนก็ยังร้องไม่ได้ วันที่ 4 การร้องเพลงพวกเราเริ่มดีขึ้นมาก รุ่นพี่ของผมจึงให้เราแปลตัวอักษรการแปลตัวอักษรนั้นเราต้องใช้ความสามัคคีเป็นอย่างมากถ้าขาดความสามัคคีแล้วเราก็จะแปลออกมาไม่ได้เลย ก่อนถึงวันแข่งแค่ 1 วันเราก็มีปัญหาเพื่อนมาไม่ครบ นั้นแหละปัญหาใหญ่ ถ้าเพื่อนคนไหนหรือใครคนใดคนหนึ่งมาไม่ครบก็จะแปลอักษรไม่ได้เลย แต่พอถึงวันแข่งพวกเราได้ร่วมมือประกาศศักดาให้สาขาอื่นรู้ว่าเราคือ นิเทศศาสตร์ (สื่อใหม่) พร้อมได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 มาครอง
ชีวตนักศึกษานั้นเราโตขึ้นด้วยความคิดและการกระทำการปรับตัวของเราเองโดยไม่มีใครมาบังคับ
ถ้าเราไม่บังคับตนเองเราก็จะไม่สามารถผ่านมันไปได้และยอมแพ้อุปสัคไปโดยสิ้นเชิง
น่าสนใจ แต่ออกแบบหัวเรื่องให้มีลูกเล่นกว่านี้ดีมั้ย
ตอบลบ